แนะนำเครื่องฟอกอากาศ (Air Purifier)
สำหรับสู้ศึกฝุ่น PM 2.5
เครื่องฟอกอากาศ : "ของมันต้องมี" สำหรับบ้านและห้องนอนที่คุณไม่ควรมองข้าม
ปัจจุบันคุณภาพอากาศกลายเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจมากขึ้น เครื่องฟอกอากาศได้กลายมาเป็นไอเท็มสำคัญที่ "ของมันต้องมี" สำหรับบ้านและห้องนอน ไม่ใช่เพียงเพื่อความสะดวกสบาย แต่ยังเกี่ยวข้องกับสุขภาพระยะยาวของเราและครอบครัวด้วย ในบทความนี้ Grab101 จะพาคุณไปรู้จักกับความจำเป็นและความคุ้มค่าของการมีเครื่องฟอกอากาศติดบ้าน พร้อมข้อมูลที่ช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกซื้อได้ง่ายขึ้น!
ปัจจัยที่ควรพิจารณาก่อนเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ
1. ขนาดพื้นที่ที่ต้องการใช้งานตรวจสอบว่าเครื่องฟอกอากาศรองรับขนาดห้องของคุณหรือไม่ เช่น ห้องนอนขนาดเล็ก หรือห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่
- HEPA Filter: เหมาะสำหรับการกรองฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 และสารก่อภูมิแพ้
- Activated Carbon Filter: สำหรับกรองกลิ่นและสารเคมี
- UV-C หรือ Ionizer: ช่วยฆ่าเชื้อโรคและแบคทีเรีย
เช่น เซนเซอร์ตรวจจับคุณภาพอากาศ ระบบควบคุมผ่านแอปพลิเคชัน หรือฟังก์ชันปรับความชื้น
เตรียมพื้นที่บ้านและห้องนอนของคุณให้พร้อมสำหรับอากาศสะอาดวันนี้ แล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไมเครื่องฟอกอากาศถึงเป็นของมันต้องมี!
การคำนวณขนาดของเครื่องฟอกอากาศ
เลือกให้เหมาะสมกับพื้นที่เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
ในการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ การคำนวณขนาดหรือประสิทธิภาพที่เหมาะสมกับพื้นที่ใช้งานเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้เครื่องสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยหลักการคิดคำนวณขนาดของเครื่องฟอกอากาศสามารถพิจารณาจาก ค่า CADR (Clean Air Delivery Rate) และขนาดพื้นที่ใช้งาน
1. คำนวณจากค่า CADR (Clean Air Delivery Rate)
CADR คือค่าที่บอกถึงอัตราการฟอกอากาศสะอาดในหน่วยลูกบาศก์ฟุตต่อนาที (CFM: Cubic Feet per Minute) หรือในหน่วยลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง (m³/h) โดยค่านี้เป็นตัวกำหนดว่าเครื่องฟอกอากาศสามารถกรองอากาศได้เร็วและมากแค่ไหนในหนึ่งชั่วโมง
สูตรเบื้องต้น:
1. CADR (CFM) = [ขนาดพื้นที่ห้อง (ตารางฟุต)] × [ความสูงของห้อง (ฟุต)] ÷ 60ตัวอย่าง:
- ห้องนอนขนาด 20 ตารางเมตร (4 × 5 เมตร) สูง 2.5 เมตร
- CADR ที่เหมาะสม =
ดังนั้น เครื่องฟอกอากาศที่เหมาะสมควรมีค่า CADR ไม่ต่ำกว่า 250 m³/h
2. พื้นที่การใช้งานที่รองรับ (Room Size)
อีกวิธีที่ง่ายคือการตรวจสอบพื้นที่ที่เครื่องฟอกอากาศรองรับจากคู่มือผลิตภัณฑ์ ซึ่งมักระบุขนาดพื้นที่ที่เหมาะสม เช่น 20, 30 หรือ 50 ตารางเมตร เป็นต้น
ขนาดห้อง (ตร.ม.) = กว้าง (เมตร) x ยาว (เมตร)
หลักการเลือก:
- หากใช้ในห้องนอนหรือพื้นที่ปิด: เลือกเครื่องที่รองรับขนาดพื้นที่ใหญ่กว่าห้องเล็กน้อย เพื่อรองรับอากาศหมุนเวียนในระยะยาว
- หากใช้ในพื้นที่เปิดโล่ง: เพิ่มค่า CADR หรือขนาดพื้นที่อีก 20-30% เพื่อรองรับการหมุนเวียนอากาศ
3. ปัจจัยเพิ่มเติมที่ควรพิจารณา
- สภาพอากาศและมลพิษในพื้นที่: หากพื้นที่ใช้งานมีฝุ่นละออง PM2.5 หรือสารก่อภูมิแพ้สูง เช่น เมืองใหญ่ หรือพื้นที่ใกล้การก่อสร้าง ให้เลือกค่า CADR สูงขึ้น
- จำนวนผู้อยู่อาศัยในห้อง: หากมีคนอยู่หลายคนในห้องเดียวกัน จะเพิ่มปริมาณ CO₂ และสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ จึงต้องเลือกเครื่องฟอกที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า
- ประเภทของมลพิษ: หากต้องการกำจัดกลิ่นหรือควันบุหรี่ เลือกเครื่องที่มี Activated Carbon Filter
คำแนะนำเพิ่มเติม
- สำหรับห้องขนาดเล็ก เช่น ห้องนอน (15-20 ตร.ม.) ค่า CADR ที่เหมาะสมอยู่ที่ 150-250 m³/h
- สำหรับห้องขนาดใหญ่หรือห้องนั่งเล่น (30-40 ตร.ม.) ค่า CADR ควรอยู่ที่ 300-400 m³/h
คำแนะนำรุ่นยอดฮิต
เครื่องฟอกอากาศอัจฉริยะ ราคาประหยัด เหมาะสำหรับห้องขนาดเล็กถึงกลาง
ฟังก์ชันครบครัน พร้อมพัดลมในตัว ดีไซน์หรูหรา
ประสิทธิภาพสูง กรองได้ทั้งฝุ่นและกลิ่น

Test Comments
ตอบลบ